Monday, November 23, 2009

125 ปี BREITLING

จากปี 1884 สู่ คาลิเบอร์ B01 ในวันนี้ ไบรท์ลิง [breitling] ได้เฉลิมฉลองการครองมงกุฎแห่งนักประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องบอกเวลาคู่กลไกสมรรถนะสูงสำหรับมืออาชีบครบรอบ 125 ปีอย่างยิ่งใหญ่





และจากวันนั้นจนถึงวันนี้จากความหลงไหลในการประดิษฐ์เครื่องจับเวลาโครโนกราฟ ที่ Breitling ได้ถ่ายทอดสู่นาฬิกาเรือนสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โดยเฉพาะบทบาทของการพัฒนากลำกจักรกลและเทคโนโลยีตลอด 125 ปีที่ผ่านมา ในวันนี้ได้ถูกหล่อหลอมสู่ผลงาน คาลิเบอร์ บี01 [caliber 01] กลไก มอเตอร์ โครโนกราฟชุดแรกที่ผ่านการออกแบบและผลิตขึ้นใหม่ทั้งหมดภายในโรงงานของตนเอง การปฎิวัติอย่างเต็มรูปแบบบนฐานของความแข็งแกร่งของแบรนด์นี้ ทำให้เป็นอีกครั้งที่ Breitling สร้างบทบาทสำคัญต่อการพัฒนานาฬิกาข้อมือจับเวลาโครโนกราฟ ชึ้นแท่นสู่การเป็นผู้นำท่ามกลางสิ่งประดิษฐ์สลับซับวซ้อนเหล่านี้ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและยังเป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนให้ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสอิสระกลุ่มสุดท้ายนี้ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง พร้อมกับรักษาอิสรภาพทางแนวความคิดและการประดิษฐ์ผลงานอันล้ำเลิศในแบบฉบับของตนเองสือต่อไป


1884 และต้นกำเนิด
ปฎิเสธไม่ได้ว่า Breitling ทุ่มเทความเชี่ยวชาญให้กับอุปกรณ์จับเวลาและนาฬิกาโครโนกราฟมานับตั้งแต่วินาทีของการเริ่มต้น และยังถ่ายทอดจากเชื้อเเถวต้นตระกูลของครอบครัวผู้ก่อตั้งแบรนด์สู่ผู้สืบทอดหลายรุ่น
     เมื่อเขาเปิดร้านแห่งแรก ณ เซนต์-ออเมียร์ [saint-imier]ในปี 1884 และเลือกใช้ความเชี่ยวชาญมาสร้างความพิเศษให้กับสิ่งประดิษฐ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก ณ เวลานั้น นั่นคือนาฬิกาโครโนกราฟและนาฬิกาจับเวลา จนกระทั่งอุปกรณ์เหล่านี้ได้กลายเป็นอุปกรณ์วัดค่าเวลาที่มีประโยชน์สูงสุดต่อแวดวงกีฬา วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม
     โดยในปี 1892 จากความสำเร็จที่นับวันจะทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ ของเขา Leon Breitling ได้ตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบห้องปฎิบัติการ สู่การเป็นโรงงานผลิตนาฬิกาอย่างแท้จริง และย้ายไปตั้งหลักปักฐานใน ลา โชซ์-เดอ-ฟงด์ส [La Chaux-de-Fonds] เมืองหลวงของการประดิษฐ์นาฬิกาของสวิสและของโลก โดยใช้ชื่อ L.Breitling Montbrillant WatchManufactory
     1915 และนวัตกรรมล้ำยุค หากยังจำกันได้ถึงชื่อเสียงของการจับเวลาได้อย่างแม่นยำของ Breitling แล้ว คงพอให้นึกถึงนวัตกรรมชิ้นสำคัญของแบรนด์ ได้แก่ การประดิษฐ์นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟเป็น
แบรนด์แรกและครั้งแรกของโลก ในปี 1915 และด้วยผลพวงจากการออกแบบอย่างดี เพื่อให้ใส่ได้อย่างสบายและเหมาะกับกายวิภาคของมนุษย์ โดยมี แกสตัน ไบรท์ลิง [gaston breitling] ผู้สืบทอดกิจการของบิดาร่วมผลักดันแนวความคิดอัจฉริยะอีกระดับหนึ่งให้กับแบรนด์ในเวลาเดียวกัน นั่นคือ การสร้างปุ่มกดแยกออกจากเม็ดมะยม เพื่อใช้ควบคุมการทำงานของฟังก์ชั่นจับเวลาทั้ง 3 อัน ได้แก่ การเริ่ม การหยุด และปรับตั้งใหม่ไปที่ศูนย์ ทำให้ในปีเดียวกันนี้ นาฬิกาข้ามือบรรจะด้วยปุ่มกดควบคุมการจับเวลาถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก และในปี 1923 Breitling ก็ได้สร้างความสมบูรณ์แบบให้กับระบบจับเวลาโครโนกราฟมากชึ้น โดยควบคุมฟังก์ชั่น เริ่ม/หยุด ผ่านปุ่มกดข้างตัวเรือนที่ตำแหน่ง 2นาฬิกา แยกออกจาก
ฟังก์ชั่น ปรับใหม่ไปที่ศูนย์ ซึ่งกระตุ้นการใช้งานโดยเม็ดมะยม นวัตกรรมที่ผ่านการจดสิทธิบัตรชิ้นนี้ จึงสามารถจับเวลาต่อเนื่องจากการจับเวลาครั้งก่อนได้  โดยที่ไม่ต้องกลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์ใหม่เหมือนเมื่อก่อน
     1931 กับการเหินฟ้าครั้งแรก ถือเป็นยุคสำคัญของการเปิดตัวเหินฟ้าไปกับเครื่องบินเป็นครั้งแรกในปี 1931 ด้วยผลงานนาฬิกาโครโกราฟรุ่นพิเศษสำหรับติดตั้งอยู่ภายในห้องควบคุมการบินของนักบิน อันเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการอ่านค่าเวลาและวัดช่วงเวลาการบินได้อย่างปลอดภัย รวมถึงทุกคุณสมบัติที่นักบินพึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นโครงนร้างตัวเรือนอันแข็งแกร็ง แต่น้ำหนักเบาเพราะทำจากอะลูมีเนียม กลไกภายในที่เที่ยงตรง และมาดเข้มๆของหน้าปัดสีดำ แต่งด้วยตัวเลขขนาดใหญ่เรืองแสงสีขาว
     เหตุการณ์สำคัญอีกอย่างที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Breitling ได้เข้าไปออกแบบระบบการทำงานของนาฬิกาโครโนกราฟบนเครื่องบิน ซึ่งได้ผ่านการจดสิทธิบัตร โดยเป็นการพัฒนาศักยภาพการใช้งานให้มีความแม่นยำเที่ยงตรงสูง ทนทานและกลายเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ที่ถูกเลือกใช้ภายในกองทัพติดอาวุธจำนวนมาก รวมถึงกองทัพอากาศของสหราชอาณาจักร [Royal Air Force] ที่ติดตั้งนาฬิกาเหล่านี้ให้กับเครื่องบินรบแบบใบพัดของกองทัพด้วย
     1942 เทคนิคใหม่ ในปีนี้เป็นปีที่ Breitling ขยายคอลเลกชั่น อุปกรณ์นาฬิกา ของตนเองด้วยการสร้างนาฬิกาพร้อมสเกลวงกลมปรับเลื่อนได้เรือนแรก ในชื่อโครโนแมต [Chronomat] พัฒนาขึ้นจากรุ่นที่ยื่นสิทธิบัตรไปแล้วก่อนหน้านี้ในปี 1940 ให้มีการคำนวณประมวลผลทางคณิตศาสตร์ทั้งฟังก์ชั่น ทาโคมิเตอร์ เทเลมิเตอร์ และพุลโซมิเตอร์ ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
     และในปี 1950-1960 เป็นช่วงที่ทาง Breitling ได้เข้าไปมีบทบาทเกี่ยวกับธุรกิจการบินเป็นอย่างมาก
จากการที่เริ่มต้นบรรจุนาฬิกาในห้องนักบินเครื่องบินใบพัด และต่อมาก็ภายในเครื่องบินไอพ่นของหลายบริษัท และที่โด่งดังที่สุดก็คือการติดตั้งนาฬิกาภายในห้องนักบินของ เครื่องบินโบอิ้ง 707 [Boeing 707]
โบอิ้ง ดีซี-8 [Boeing DC 8] และ คาราเวลล์ [Caravelle] จนในที่สุดทุกคนก็ขนานนามว่า นาฬิกาแห่งโลกการบิน


1999 และโครโนมิเตอร์ การพัฒนายังคงเดินหน้า และนำทางสู่การเป็นสุดยอดเครื่องบอกเวลาคุณภาพ เมื่อ Breitling ตัดสินในนำนาฬิกาทุกรุ่นทุกคอลเลกชั่นของเขาทั้งหมดไปตรวจสอบมาตรฐานความเที่ยงตรง ทั้งกลไกจักรกลและกลไกควอตซ์ ของสถาบัน COSC [Controle Officiel  Suisse des Chronometres] ที่นับว่าเป็ฯมาตรฐานสูงสุดของการอ้างอิง ความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือได้ของความกลไก ทำให้ Breitling กลายเป็นนาฬิกาแบรนด์หลักของโลกที่สามารถนำเสนอกลไกผ่านการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์มาบรรจุอยู่ในนาฬิกาทุกรุ่นของแบรนด์ และต่อมาในปี 2001 Breitling ก็ไม่ยอมหยุดนิ่งจากการเปิดตัวกลไกที่ชื่อว่า ซูเปอร์ควอตซ์ทีเอ็ม [SuperQuartz TM] ชดเชยพลังงานความร้อน มาบรรจุอยู่ในนาฬิกาอีเล็กทรอนิกส์ทุกรุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติเความเที่ยงตรงมากกว่าควอตซ์ธรรมดาถึง 10 เท่า
     2009 มงกุฎมรดก 125 ปี ปีนี้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 125 ปีของ Breitling จึงพลาดไม่ได้ที่จะนำเสนอผลงานชิ้นใหม่เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ นั่นก็คือ Caliber B01 ความโดดเด่นของกลไกอยู่ที่การบรรจุคอลัมน์วีล ระบบตัวจักรกระตุ้นในแนวตั้งและการสำรองพลังงานได้นานเกินกว่า 70 ชั่วโมง ทำให้มั่นใจได้ว่ากลไกจะมีอัตราการทำงานที่คงที่และแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยได้รับการ
ออกแบบให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด เมื่อนำไปใช้งานจริงนอกจากนี้ยังเสริมด้วยคุณสมบัติแห่งนวัตกรรมอีกหลายข้อ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกสะบายของผู้ใช้เป็นหลัก


No comments:

Post a Comment