Wednesday, December 2, 2009

moonwatch

The first moment  of a moonwatch



ตำนานของ moonwatch มีจุดเริ่มต้นเรื่องราวมาตั้งแต่ปี 1960 เมื่อเจ้าหน้าที่ของ NASA ได้รับมอบหมายให้คนหานาฬิกาที่ดีที่สุดสำหรับนักบินที่จะไปปฎิบัติการบนห้วงอวกาศ หลังจากที่ได้ทำการค้นหานาฬิกาจากหลากหลายยี่ห้อและนำนาฬิกาเป็น 10 ยี่ห้อมาทำการทดสอบ อย่างหนัก เพราะว่านำฬิกาที่จะนำไปใช้บนอวกาศได้นั้นย่อมมีความทนทานและระบบกลไกลที่เป็นเลิศ โดยเฉพาะเรื่องความกดอากาศ และการทนต่อแรงต้านที่สูงที่สุด และในบรรดานาฬิกาทั้งหลายที่ได้นำมาทำการทดสอบกัน ผลการทดสอบออกมาเป็นที่ยอมรับกันว่านาฬิกาที่มีความทนและความแปรผันน้อยที่สุดเมื่อนำไปใช้บนห้วงอวกาศ [5วินาทีต่อวัน] ก็คือ Omega Speedmaster นั้นเอง
และเมื่อประสบความสำเร็จกับโครงการอวกาศ Mercury ซึ่งเป็นภารกิจการบินที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ และก่อนหน้าที่จะทำการทดสอบนำเอานาฬิกามาใช้ในภารกิจการบินนี้ นักบิน วัลลี่ เชอร์รา ก็เคยสวมนาฬิกา Omega Speedmadter ของเขาเองอยู่ก่อนแล้วกับการบินกับยานอวกาศ ซิกม่า 7 ซึ่งโคจรรอบโลก 6 ครั้ง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 1962 นั้นจึงพิสูจน์ได้ถึงความไว้วางใจเฉพาะบุคคลกับนาฬิการุ่นนี้  และหลังจากนั้นไม่นาน องค์การ NASA ได้ริเริ่มวางแผนการปฎิบัติการครั้งใหม่ภายใต้ชื่อ เจมินี่ [Gemini] ซึ่งใช้นักบินอวกาศ 2 คน และโครงการ Apollo ใช้นักบินอวกาศ 3 คนต่อไป โดยแผนการบินครั้งนี้กำหนดให้นักบินต้องออกไปทำการสำรวจนอกตัวยานอวกาศ ดังนั้นนาฬิกาข้อมือจึงเป็นอุปกรณ์หลักที่สำคัญมากชิ้นนึง และต้องมีคุณสมบัติ และสมรรถนะที่ทนต่อสภาวะอันรุนแรงในห้วงอวกาศได้อย่างดีเยี่ยม



ที่ต้องเป็นเช่นนั้นก็เพราะทุกครั้งที่นักบินอวกาศหยุดอยู่ในสภาวะสูญญากาศภายในห้วงอวกาศ และหมุนข้อมือ นาฬิกาที่สวมอยู่ก็จะต้องสัมผัสกับแสงจากดวงอาทิตย์ที่ไม่ผ่านการกรองของชั้นบรรยากาศใดๆ และอุณหภูมิโดยรอบก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 องศาเซลเซียส โดยทั้งประธานาธิบดีเคนเนดี้ [Kennedy] และองค์การ NASA ได้เคยกล่าวว่า ภารกิจบนดวงจันทร์ยากยิ่งกว่าที่เราคิดไว้มาก เพราะอุณหภูมิบนผิวดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ขึ้นๆ ลงๆระหว่าง -160และ 120 องศาเซลเซียส
เพราะฉนั้นการทดสอบนาฬิกาเพื่อภารกิจนี้จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นมากกว่าเดิม ว่านาฬิกายี่ห้อใดจะเหมาะกับสภาวะที่รุนแรงขนาดนั้น และทาง NASA จึงได้ทำการทดสอบนาฬิกา Omega Speedmaster และนาฬิกาโครโนกราฟของยี่ห้ออื่นๆอีก 5 ยี่ห้อ เพื่อนำมาทำการทดสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง และก็ด้วยความเที่ยงตรงและความทนต่อสภาวะแรงกดและอุณหภูมิต่างๆ ได้เป็นอย่างดีจึงทำให้ Omega Speedmaster ได้รับคัดเลือกอีกตามเคย





จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ Speedmaster การเป็นพระเอกในข่าวภารกิจการสำรวจอวกาศหลายครั้ง และทำให้ Omega ได้ตัดสินใจเพิ่มคำว่า "Professional" ไว้บนหน้าปัดนาฬิกาโครโนกราฟ ในปี 1965 พร้อมกับการเปิดตัวแคมเปญโฆษณาที่ตอกย้ำถึงบทบาทเด่นของนาฬิกาเรือนนี้ในการเดินทางท่องอวกาศ